แนะนำ 5 อันดับ ไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพ (VIDEO LIGHTING) คุณภาพสูง

2 ปีที่ผ่านมา
โดย เจ้าของร้าน

แนะนำ 5 อันดับ ไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพ (VIDEO LIGHTING) คุณภาพสูง

การเลือกใช้ไฟสตูดิโอขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของคุณ นี่คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้ไฟสตูดิโอ:

  • ไฟสตูดิโอแบบ LED: ในปัจจุบัน เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและให้ความสว่างที่เพียงพอสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีความพิเศษในเรื่องของความสามารถในการปรับแสงและอุณหภูมิสี และมักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและการใช้พลังงานที่ต่ำกว่าไฟสตูดิโอแบบอื่น ๆ

  • ระบบควบคุมแสง: เลือกไฟสตูดิโอที่มีระบบควบคุมแสงที่สามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างยืดหยุ่น ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงให้ตรงตามความต้องการของงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ

  • ความสามารถในการใช้งานแบตเตอรี่: เลือกไฟสตูดิโอที่มีระบบแบตเตอรี่ที่ดี โดยเฉพาะหากคุณต้องการใช้งานนอกสถานที่ มีระบบแบตเตอรี่ที่ยาวนานช่วยให้คุณใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงาน

  • ความสะดวกในการใช้งาน: ควรเลือกไฟสตูดิโอที่ใช้งานง่ายและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เช่น สวิตช์ปรับความสว่างและปุ่มควบคุมอื่น ๆ ที่สะดวกต่อการใช้งาน

  • งบประมาณ: พิจารณางบประมาณที่คุณสามารถใช้ได้ และเลือกไฟสตูดิโอที่ตรงตามงบประมาณของคุณ อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพและความเหมาะสมกับการใช้งานเช่นกัน

แนะนำไฟสตูดิโอ 5 รุ่นที่สามารถพิจารณาจากแบรนด์ Nanlite, Aputure, และ NiceFoto ได้ดังนี้:

  1. Nanlite Forza 300: เป็นไฟสตูดิโอที่มีความสว่างสูงและความแม่นยำสูง มาพร้อมกับระบบควบคุมแสงที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบปรับแสงได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีขนาดเล็กและเบา ทำให้ง่ายต่อการพกพาและใช้งานในที่ต่างๆ

  2. Aputure 120D Mark II: เป็นไฟสตูดิโอที่มีความสามารถในการควบคุมแสงและปรับแสงได้ตามต้องการ มาพร้อมกับการสร้างแสงที่คุณภาพสูงและมีความเชื่อถือได้ มีระบบเพาเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เหมาะสำหรับงานถ่ายภาพที่ต้องการแสงสว่างและความแม่นยำ

  3. NiceFoto HB-600: เป็นไฟสตูดิโอที่มีระบบควบคุมแสงที่ง่ายต่อการใช้งาน มีความสามารถในการปรับแสงและความสว่างได้ตามต้องการ มาพร้อมกับคุณภาพสีที่ดีและมีระบบที่ดีในการกระจายแสง

  4. Nanlite PavoTube II 6C: เป็นไฟสตูดิโอที่มีรูปทรงที่สามารถโค้งงอได้ มาพร้อมกับระบบไฟ LED RGBWW ที่สามารถสร้างแสงที่หลากหลายและสีสันได้ มีความสามารถในการควบคุมแสงและสีได้อย่างยืดหยุ่น

  5. Aputure Light Storm LS C120d II: เป็นไฟสตูดิโอที่มีความสว่างสูงและความแม่นยำสูง มาพร้อมกับระบบควบคุมออนบอร์ดที่ใช้งานง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นสตรอบอร์ดหรือรีโมทคอนโทรลได้


ได้รู้รายละเอียดแบบย่อไปแล้ว ทาง Icamplus เราจะมาแนะนำ 5 อันดับ ไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพกันเลย


1.ไฟสตูดิโอ Nanlite Forza 300:


แนะนำ Nanlite Forza 300: ไฟสตูดิโอคุณภาพสูงสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอ

    หากคุณกำลังมองหาไฟสตูดิโอที่มีความสามารถและประสิทธิภาพสูงสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอ แนะนำให้พิจารณา Nanlite Forza 300 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่คุณควรตรวจสอบ เพราะมีคุณสมบัติที่น่าสนใจและสามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Nanlite Forza 300 มีกำลังไฟสูงถึง 300 วัตต์ และมาพร้อมกับดีไซน์พอร์ตเบลที่ช่วยกระจายแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณได้แสงสีที่ถูกต้องและคมชัดในงานถ่ายภาพและวิดีโอของคุณ

ระบบควบคุมแสงบน Forza 300 ง่ายต่อการใช้งาน คุณสามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสร้างแสงที่ตรงตามความต้องการของงานได้อย่างมีความสมบูรณ์

Nanlite Forza 300 ยังมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซและการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างหลากหลาย คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมเช่นอะแดปเตอร์หรือเลนส์หน้าแสงเพื่อให้การใช้งานของคุณเป็นไปได้อย่างสะดวกและยืดหยุ่น

เป็นไฟสตูดิโอที่ทำงานเงียบ ด้วยการออกแบบที่มีเสียงรบกวนต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเงียบสงบ เช่นการถ่ายภาพนิ่งหรือการบันทึกวิดีโอ

นอกจากนี้ Nanlite Forza 300 ยังมีขนาดกะทัดรัดและเบาเพื่อความสะดวกในการพกพา และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้คุณสามารถปรับแสงได้ตามต้องการของคุณได้อย่างง่ายดาย

Nanlite Forza 300 คุณสมบัติมีอะไรบ้าง ?


  1. กำลังไฟสูง: Nanlite Forza 300 มีกำลังไฟสูงถึง 300 วัตต์ เป็นที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการแสงสว่างและทรงพลัง

  2. ความสามารถในการควบคุมแสง: มาพร้อมกับระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ใช้งานง่าย คุณสามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำเพื่อสร้างแสงที่ตรงตามความต้องการของคุณ

  3. อินเทอร์เฟซและการเชื่อมต่อ: Nanlite Forza 300 มาพร้อมกับพอร์ตอินเทอร์เฟซสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม เช่นอะแดปเตอร์และเลนส์หน้าแสง เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อและปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

  4. การทำงานแบบเงียบ: มีการออกแบบให้มีเสียงรบกวนต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการความเงียบสงบ เช่นการถ่ายภาพนิ่งหรือการบันทึกวิดีโอ

  5. พกพาและใช้งานง่าย: มีขนาดกะทัดรัดและเบาเพื่อความสะดวกในการพกพา และมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายเพื่อความสะดวกในการปรับแสง

Nanlite Forza 300 มีฟังก์ชั่นการใช้งานมีอะไรบ้าง ?


Nanlite Forza 300 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ นี่คือฟังก์ชั่นหลักของ Nanlite Forza 300:

  1. ความสว่างและอุณหภูมิสีที่ปรับได้อย่างแม่นยำ: คุณสามารถปรับความสว่างของแสงได้ตามต้องการ และสามารถปรับอุณหภูมิสีให้ตรงตามความต้องการของงาน ซึ่งช่วยให้คุณสร้างแสงที่ตรงตามสไตล์และอารมณ์ของคุณได้อย่างแม่นยำ

  2. โหมดเบลซ์: มีโหมดเบลซ์ที่ช่วยให้คุณสร้างเงาและเนื้อผิวที่นุ่มนวลในงานถ่ายภาพและวิดีโอ โดยสามารถปรับระดับความเข้มของเงาตามต้องการ

  3. โหมดท้ายแบบปรับแสง (TLCI / CRI): มีโหมดท้ายที่ช่วยให้คุณตรวจวัดและปรับแสงให้มีคุณภาพสูง ด้วยมาตรฐาน TLCI (Television Lighting Consistency Index) และ CRI (Color Rendering Index) เพื่อให้คุณได้รับแสงที่สีและความคมชัดที่ดีที่สุด

  4. การควบคุมแสงแบบไร้สาย: มาพร้อมกับรีโมทคอนโทรลที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมแสงได้จากระยะไกล ทำให้คุณสามารถปรับแสงโดยไม่ต้องเข้าถึงไฟสตูดิโอโดยตรง

  5. โหมดเบิร์สต์ (Boost) และโหมดซูม (Zoom): มีโหมดเบิร์สต์ที่ช่วยเพิ่มความสว่างได้อีกเล็กน้อยเมื่อต้องการแสงที่มีความเข้มขึ้น และโหมดซูมที่ช่วยปรับมุมแสงเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่คุณกำลังทำ

  6. การทำงานแบบเงียบ: มีการออกแบบให้มีเสียงรบกวนต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการความเงียบสงบ เช่นการถ่ายภาพนิ่งหรือการบันทึกวิดีโอ

  7. ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ: Nanlite Forza 300 มีระบบระบายความร้อนอัจฉริยะที่ช่วยให้รักษาอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม และช่วยให้เครื่องทำงานได้ต่อเนื่องในระยะเวลายาวนาน

เหล่าฟังก์ชั่นที่ได้กล่าวถึงนี้ทำให้ Nanlite Forza 300 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงและหลากหลายในการใช้งาน จึงเหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพแสงที่ยอดเยี่ยมในงานทุกรูปแบบ


Nanlite Forza 300: มีข้อดี-ข้อเสียยังไงบ้าง ?


ข้อดีของ Nanlite Forza 300:

  1. ความสามารถในการสร้างแสงที่มีความเข้มและความสมจริง: Nanlite Forza 300 มีกำลังไฟสูงถึง 300 วัตต์ และมาพร้อมกับระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ช่วยให้คุณสามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถสร้างแสงที่ตรงตามความต้องการของงานได้อย่างมีคุณภาพสูง

  2. ความหลากหลายในการใช้งาน: Nanlite Forza 300 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เช่นโหมดเบลซ์เพื่อสร้างเงาและเนื้อผิวที่นุ่มนวล โหมดท้ายแบบปรับแสง (TLCI / CRI) เพื่อให้คุณได้รับแสงที่มีความสมจริงและสีที่แม่นยำ และมีระบบระบายความร้อนอัจฉริยะที่ช่วยให้รักษาอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม

  3. การควบคุมแสงแบบสะดวก: Nanlite Forza 300 มาพร้อมกับการควบคุมแสงแบบไร้สาย ทำให้คุณสามารถปรับแสงจากระยะไกลได้ด้วยความสะดวก ไม่ต้องเข้าถึงไฟสตูดิโอโดยตรง

  4. การทำงานแบบเงียบ: Nanlite Forza 300 ออกแบบมาเพื่อมีเสียงรบกวนต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการความเงียบสงบ เช่นการถ่ายภาพนิ่งหรือการบันทึกวิดีโอ

ข้อเสียของ Nanlite Forza 300:

  1. ราคาที่สูง: Nanlite Forza 300 เป็นไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นราคาของมันจะสูงกว่าไฟสตูดิโอทั่วไปที่มีคุณภาพต่ำกว่า นี่อาจเป็นข้อเสียสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่มีความสามารถสูง แต่งบไม่เพียงพอในเรื่องราคา

  2. ขนาดที่ใหญ่: Nanlite Forza 300 มีขนาดที่ใหญ่กว่าไฟสตูดิโอมาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการพกพาหรือใช้งานในพื้นที่จำกัด

  3. การใช้พลังงาน: เนื่องจาก Nanlite Forza 300 มีกำลังไฟสูง ดังนั้นการใช้งานในระดับความสว่างสูงอาจต้องใช้พลังงานมากกว่าไฟสตูดิโอทั่วไป ทำให้ต้องมีแหล่งจ่ายไฟที่เหมาะสมอ

Nanlite Forza 300: เหมาะกับใช้งานแบบไหน ?


ไฟสตูดิโอ Nanlite Forza 300 เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการแสงคุณภาพสูงและความสามารถสูงในงานต่าง ๆ นี่คือบางตัวอย่างของการใช้งานที่เหมาะกับ Nanlite Forza 300:

  1. การถ่ายภาพสตูดิโอและการถ่ายภาพพอร์ตเรต: Nanlite Forza 300 มีกำลังไฟสูงถึง 300 วัตต์และความสามารถในการปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสตูดิโอที่ต้องการแสงที่มีความเข้มและความสมจริงสูง และใช้ในการถ่ายภาพพอร์ตเรตที่ต้องการความเจียวสูงและรายละเอียดที่ชัดเจน

  2. งานวิดีโอและภาพยนตร์: Nanlite Forza 300 เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์หรือวิดีโอที่ต้องการแสงที่มีคุณภาพสูงและการควบคุมแสงที่แม่นยำ ความสามารถในการปรับแสงและอุณหภูมิสีช่วยให้คุณสร้างสีและอารมณ์ที่ตรงตามแผนที่ในงานวิดีโอได้อย่างถูกต้อง

  3. งานภาพนิ่งและการถ่ายภาพชุด: Nanlite Forza 300 มีความสามารถในการสร้างแสงที่มีความสมจริงและความเข้มที่เหมาะสำหรับงานภาพนิ่ง ช่วยให้คุณสามารถสร้างเงาและเนื้อผิวที่นุ่มนวลได้ในภาพที่คมชัด

  4. งานอีเวนต์และการแสดงสด: Nanlite Forza 300 เป็นเครื่องมือที่ดีในการใช้งานในงานอีเวนต์และการแสดงสด เช่นการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ คุณสามารถควบคุมแสงได้อย่างแม่นยำเพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่และสภาพแสงในงาน

สรุปได้ว่า Nanlite Forza 300 เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพแสงที่ยอดเยี่ยมในงานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสตูดิโอ ภาพยนตร์ ภาพนิ่ง หรืองานอีเวนต์และการแสดงสด 

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Icamplus คลิกที่นี่


2.ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II :



เป็นไฟสตูดิโอ LED ที่มีความสามารถและประสิทธิภาพที่สูง ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพและวิดีโอมืออาชีพ มีความสามารถในการสร้างแสงคุณภาพสูงและเข้มสูง พร้อมกับระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ช่วยให้สามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ รวมถึงระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำและความยืดหยุ่นในการใช้งาน เป็นที่นิยมในงานถ่ายภาพและวิดีโอทุกประเภท เช่น สตูดิโอ ภาพยนตร์ ภาพนิ่ง งานอีเวนต์ และการแสดงสด อีกทั้งยังมีความทนทานและประสิทธิภาพที่ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอที่ต้องการคุณภาพแสงที่มีความน่าเชื่อถือและความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง


Aputure LS C120D Mark II. เป็นไฟสตูดิโอ LED ที่มีความสามารถและประสิทธิภาพที่สูง และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการถ่ายภาพและวิดีโอมืออาชีพ

นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับ Aputure 120D Mark II:

  1. ความสามารถแสงและความเข้ม: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับหลอด LED ขนาดใหญ่ ให้แสงคุณภาพสูงและเข้มสูงถึง 135,000 Lux @ 1 เมตร (ด้านหน้าไฟสตูดิโอ) ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการแสงเข้มและความสมจริงในการถ่ายภาพและวิดีโอ

  2. ระบบควบคุมแสงออนบอร์ด: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ช่วยให้คุณสามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้คุณสร้างแสงที่ตรงตามความต้องการของงานได้อย่างแม่นยำ

  3. ระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำ: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำถึง ±0.5 เครื่องหมาย ทำให้คุณสามารถปรับแสงและสีได้อย่างแม่นยำและเหมือนจริง

  4. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: พอร์ตบอลของ Aputure 120D Mark II สามารถปรับเอียงและหมุนได้ในทุกทิศทาง และสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ตามความต้องการของงาน

  5. ความทนทานและประสิทธิภาพที่ดี: Aputure 120D Mark II มีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทาน ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานระยะยาวและในสภาวะที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง

  6. ความสะดวกในการใช้งาน: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับระบบการเปลี่ยนเลนส์แบบสวิตช์ภายในซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างรวดเร็วและง่าย



คุณสมบัติหลักของไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II:

  1. ความสว่างและเข้มของแสง: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับหลอด LED ให้แสงความสว่างสูงถึง 135,000 Lux @ 1 เมตร (ด้านหน้าไฟสตูดิโอ) ทำให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอที่ต้องการแสงเข้มและความสมจริง

  2. สเปกตรัมสีที่แม่นยำ: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีดีไซน์พิเศษเพื่อให้มีสเปกตรัมสีที่แม่นยำถึง CRI 96+ และ TLCI 97+, ทำให้สามารถสร้างแสงที่มีความสมจริงและสีที่สอดคล้องกับสิ่งที่ถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำ

  3. ระบบควบคุมแสงออนบอร์ด: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ช่วยให้คุณสามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้คุณสร้างแสงที่ตรงตามความต้องการของงานได้อย่างแม่นยำ

  4. ระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำ: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำถึง ±0.5 เครื่องหมาย ทำให้คุณสามารถปรับแสงและสีได้อย่างแม่นยำและเหมือนจริง

  5. การควบคุมที่ยืดหยุ่น: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับคอนโทรลบอกเซอร์ในตัวเครื่อง และสามารถควบคุมผ่านรีโมทได้ ทำให้คุณสามารถปรับแสงและการตั้งค่าอื่น ๆ ได้โดยง่าย

  6. การระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ: Aputure 120D Mark II มีระบบระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ความเย็นและป้องกันการเกิดความร้อนเกินไป ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการระบายความร้อน

  7. ความสะดวกในการใช้งาน: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับสตรอบแบบโคลอาในการกระจายแสง และสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่นแผ่นกรองสีหรือร่มได้ตามความต้องการของงาน



ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างไร ?

  1. ความสว่างและเข้มของแสง: Aputure 120D Mark II มีความสามารถในการสร้างแสงสว่างและเข้มขึ้นถึง 135,000 Lux @ 1 เมตร (ด้านหน้าไฟสตูดิโอ) ทำให้คุณสามารถได้รับแสงที่เข้มและคุณภาพสูงสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอ

  2. ระบบควบคุมแสงออนบอร์ด: สามารถปรับความสว่างและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำผ่านระบบควบคุมแสงออนบอร์ด ทำให้คุณสามารถปรับแสงให้ตรงตามความต้องการของงานได้อย่างแม่นยำ

  3. ระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำ: Aputure 120D Mark II มีระบบไฟฟ้าเลียนแสงที่แม่นยำถึง ±0.5 เครื่องหมาย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับแสงและสีได้อย่างแม่นยำและเหมือนจริง

  4. ฟังก์ชั่น Dimming: สามารถปรับระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 0-100% ให้คุณควบคุมแสงได้อย่างแม่นยำตามความต้องการของงาน

  5. ระบบเลนส์แบบสวิตช์ภายใน: Aputure 120D Mark II มาพร้อมกับระบบเลนส์แบบสวิตช์ภายในซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างรวดเร็วและง่าย

  6. ฟังก์ชั่นเบลอสตรอบ: สามารถเบลอสตรอบแสงได้เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์แสงที่นุ่มนวลและเป็นมิตรต่อมุมมอง

  7. การควบคุมผ่านรีโมท: สามารถควบคุมไฟสตูดิโอผ่านรีโมทได้เพื่อความสะดวกและสะดวกในการใช้งาน

  8. พอร์ตออกพาวเวอร์: มีพอร์ตออกพาวเวอร์สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมเช่นวีดีโอไฟล์ได้

  9. ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ: Aputure 120D Mark II มีระบบระบายความร้อนที่ออกแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพและความเย็นในการใช้งานในระยะเวลานาน

  10. ความน่าเชื่อถือในคุณภาพ: Aputure เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้ในวงการแสงสตูดิโอ และ Aputure 120D Mark II ได้รับความนิยมสูงในความแม่นยำของการสร้างแสงและความสมดุลของสี




ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาดังนี้:


ข้อดี:

  1. ความสว่างและคุณภาพแสง: Aputure 120D Mark II สามารถสร้างแสงสว่างและเต็มที่ได้ถึง 135,000 Lux @ 1 เมตร (ด้านหน้าไฟสตูดิโอ) ทำให้คุณได้รับแสงที่เข้มและคุณภาพสูงสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอของคุณ

  2. ความสมดุลของสี: ไฟสตูดิโอนี้มีดีกรี CRI (Color Rendering Index) และ TLCI (Television Lighting Consistency Index) ที่สูงอยู่ที่ 96+ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถสร้างสีที่แม่นยำและสมจริงในงานถ่ายภาพและวิดีโอ

  3. ความสะดวกในการใช้งาน: มีระบบควบคุมแสงออนบอร์ดที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำผ่านทางรีโมท นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเบลอสตรอบและพอร์ตออกพาวเวอร์สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม

  4. การควบคุมแสงแบบสมบูรณ์: มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Dimming ที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 0-100% ให้คุณควบคุมแสงได้อย่างแม่นยำตามความต้องการของงาน


ข้อเสีย:

  1. ขนาดและน้ำหนัก: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักที่หนักเมื่อเทียบกับไฟสตูดิโออื่นๆ นี่อาจเป็นความไม่สะดวกในการพกพาหรือการใช้งานนอกสถานที่

  2. ราคาที่สูง: เมื่อเทียบกับไฟสตูดิโออื่นๆ รุ่น Aputure 120D Mark II มีราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับบุคคลที่มีงบประมาณจำกัด

  3. การระบายความร้อน: สำหรับบางคนที่ใช้งานในระยะเวลานาน อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการระบายความร้อนของไฟสตูดิโอ ซึ่งอาจต้องใช้การระบายความร้อนเสริมเพื่อป้องกันการร้อนเกินของอุปกรณ์

เห็นได้ว่า Aputure 120D Mark II มีข้อดีอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของความสว่างและคุณภาพสี แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่คุณควรพิจารณาในกรณีที่ต้องการไฟสตูดิโอที่เบาและเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่า และหากคุณมีงบประมาณจำกัด ราคาของ Aputure 120D Mark II อาจเป็นอุปสรรคบ้าง



ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II เหมาะกับใช้งานแบบไหน ?

  1. งานถ่ายภาพสตูดิโอ: Aputure 120D Mark II เหมาะกับการใช้งานในสตูดิโอเพื่อการถ่ายภาพโปรแฟชั่น การถ่ายภาพโฆษณา หรือการถ่ายภาพพรีเซ็ตชื่อเสียง ด้วยความสามารถในการสร้างแสงสว่างและคุณภาพสีที่แม่นยำ รวมถึงการปรับแสงและอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำผ่านทางรีโมท

  2. งานวิดีโอสตูดิโอ: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II เหมาะสำหรับการใช้งานในงานถ่ายภาพวิดีโอสตูดิโอ ทำคลิปวิดีโอเพลง การสัมภาษณ์ หรือวีดีโอคลิปสินค้า ด้วยความสามารถในการสร้างแสงสว่างและความสมดุลของสี และความยืดหยุ่นในการปรับแสงตามความต้องการ

  3. งานถ่ายภาพนอกสถานที่: ไฟสตูดิโอ Aputure 120D Mark II มีความสะดวกในการพกพาและใช้งานนอกสถานที่ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับแบตเตอรี่พกพา V-mount ที่มีอยู่แบบพกพา ซึ่งทำให้สะดวกต่อการถ่ายภาพนอกสถานที่หรือการถ่ายภาพแสดงสด

  4. งานงานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว: Aputure 120D Mark II เหมาะสำหรับการใช้งานในงานถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เช่น การถ่ายภาพพอร์ตเทรต การถ่ายภาพสินค้า หรือการถ่ายภาพชุดแฟชั่น ด้วยความสามารถในการปรับแสงและความสว่างที่ควบคุมได้แม่นยำ

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Icamplus คลิกที่นี่
 

3.ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600


NiceFoto HB-600 เป็นไฟสตูดิโอคุณภาพสูงที่มีความสว่างและความสมดุลของสีที่ดี มีคุณสมบัติที่น่าสนใจเช่น แรงสูงถึง 600 วัตต์, CRI สูง, ปรับแสงและองค์ประกอบสีอย่างอิสระ, ระบบระดับความสว่างไร้สาย, การเชื่อมต่อและความสะดวกในการใช้งาน, ระบบระบายความร้อนที่ดี, การออกแบบและความทนทาน นำไปใช้งานในหลายสถานการณ์เช่น งานถ่ายภาพพอร์ตเทรต, ถ่ายภาพสินค้า, และวิดีโอคลิป

ภาพรวมของไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600:

  1. ความสว่างและคุณภาพแสง: NiceFoto HB-600 มีแรงสูงสุดถึง 600 วัตต์ ทำให้มีความสามารถในการสร้างแสงสว่างเพียงพอสำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอที่ต้องการแสงสว่างมาก นอกจากนี้ มี CRI (Color Rendering Index) ที่สูง เพื่อให้คุณได้รับคุณภาพสีที่แม่นยำและสมจริงในผลงานของคุณ

  2. ความยืดหยุ่นในการปรับแสง: NiceFoto HB-600 มีความสามารถในการปรับแสงและองค์ประกอบสีอย่างอิสระ คุณสามารถปรับระดับความสว่างตามความต้องการของงานได้ และยังสามารถปรับองค์ประกอบสีเช่น อุณหภูมิสี และเปอร์เซ็นต์สีสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ

  3. ระบบระดับความสว่างแบบไร้สาย: ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 มาพร้อมกับระบบระดับความสว่างแบบไร้สายที่ช่วยให้คุณสามารถปรับระดับความสว่างได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องปรับที่ตัวไฟสตูดิโอโดยตรง

  4. การเชื่อมต่อและความสะดวกในการใช้งาน: NiceFoto HB-600 มาพร้อมกับพอร์ตที่หลากหลาย เช่น พอร์ต USB สำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ พอร์ตรีโมทเพื่อควบคุมไร้สาย และพอร์ตสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้การใช้งานเป็นมิตรและสะดวกสบาย

  5. การระบายความร้อน: NiceFoto HB-600 มีระบบระบายความร้อนที่ดี ซึ่งช่วยให้มันสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพ

  6. การออกแบบและความทนทาน: ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 มีการออกแบบที่ทนทานและทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว โดยมีโครงสร้างที่แข็งแรงและตัวเครื่องที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก



ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 มีคุณสมบัติมีอะไรบ้าง

  1. แสงสว่างและความสมดุลของสี: NiceFoto HB-600 มีกำลังไฟสูงถึง 600 วัตต์ และมีดีกรี CRI (Color Rendering Index) สูง เพื่อให้คุณได้รับคุณภาพสีที่แม่นยำและสมจริงในผลงานของคุณ

  2. ปรับแสงและองค์ประกอบสี: คุณสามารถปรับระดับความสว่างและปรับองค์ประกอบสีเช่น อุณหภูมิสี และเปอร์เซ็นต์สีสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ

  3. ระบบระดับความสว่างแบบไร้สาย: มาพร้อมกับระบบระดับความสว่างแบบไร้สายที่ช่วยให้คุณสามารถปรับระดับความสว่างได้อย่างสะดวกและง่ายดาย

  4. การเชื่อมต่อและความสะดวกในการใช้งาน: มาพร้อมกับพอร์ตที่หลากหลาย เช่น พอร์ต USB สำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ พอร์ตรีโมทเพื่อควบคุมไร้สาย และพอร์ตสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ

  5. ระบบระบายความร้อนที่ดี: มีระบบระบายความร้อนที่ดี ช่วยให้มันสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพ

  6. การออกแบบและความทนทาน: มีการออกแบบที่ทนทานและทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว โดยมีโครงสร้างที่แข็งแรงและตัวเครื่องที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก

ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 ฟังก์ชั่นการใช้งานมีอะไรบ้าง ?

  1. การปรับความสว่าง: คุณสามารถปรับระดับความสว่างของไฟสตูดิโอตามที่ต้องการได้ ทำให้คุณสามารถสร้างแสงที่เหมาะสมสำหรับภาพถ่ายหรือวิดีโอของคุณได้อย่างแม่นยำ

  2. การปรับองค์ประกอบสี: NiceFoto HB-600 สามารถปรับองค์ประกอบสีเช่น อุณหภูมิสี และเปอร์เซ็นต์สีสัมพันธ์ได้ ทำให้คุณสามารถควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสีให้ตรงตามที่คุณต้องการ

  3. โหมด Strobe: มีโหมด Strobe ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างภาพนิ่งที่คมชัดและแสงเต็มพิกัดได้

  4. โหมด HSS (High-Speed Sync): รองรับโหมด HSS ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้ความเร็วสูงในการถ่ายภาพพร้อมกับแสงสตรอบได้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการลดความเร็วชัตเตอร์หรือใช้รูรับแสงกว้าง

  5. โหมด Slave: สามารถตั้งค่าให้เป็นโหมด Slave เพื่อใช้งานร่วมกับแฟลชหลักหรือไฟสตรอบอื่นๆ และตอบสนองต่อสัญญาณแฟลชที่อยู่ภายนอก

  6. การควบคุมไร้สาย: มาพร้อมกับระบบควบคุมไร้สายที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมแสงได้จากระยะไกลโดยใช้รีโมทที่แถมมา

  7. อินเตอร์เฟซอื่นๆ: NiceFoto HB-600 มาพร้อมพอร์ต USB สำหรับอัปเดตซอฟต์แวร์ และพอร์ตสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สตรอบหรืออุปกรณ์ควบคุมอื่นๆ


ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?

ข้อดี:

  1. ความสว่างและคุณภาพสีที่ดี: NiceFoto HB-600 มีกำลังไฟสูงถึง 600 วัตต์ และมีดีกรี CRI (Color Rendering Index) สูง ซึ่งช่วยให้คุณได้รับแสงสว่างที่สมบูรณ์และความแม่นยำในการสี

  2. การควบคุมแสงที่มีความยืดหยุ่น: มีฟังก์ชั่นปรับระดับความสว่างและองค์ประกอบสีเพื่อให้คุณสามารถควบคุมแสงให้ตรงตามที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำ

  3. การใช้งานที่สะดวก: NiceFoto HB-600 มาพร้อมกับระบบระดับความสว่างแบบไร้สายที่ช่วยให้คุณสามารถปรับระดับความสว่างได้อย่างสะดวกและง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB สำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และพอร์ตรีโมทเพื่อควบคุมไร้สาย

  4. ความทนทานและคุณภาพสร้างสรรค์: มีการออกแบบที่ทนทานและแข็งแรง เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ต่อเนื่อง

ข้อเสีย:

  1. น้ำหนักและขนาด: NiceFoto HB-600 มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เคลื่อนย้ายและการติดตั้งเป็นเรื่องที่ลำบากบางครั้ง

  2. ราคาสูง: เมื่อเทียบกับบางรุ่นอื่น ราคาของ NiceFoto HB-600 อาจจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับงบประมาณที่จำกัดของบางคน

  3. การใช้งานไฟสตูดิโอ: ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอกราฟเฟอร์ที่ต้องการแสงสว่างและคุณภาพสีที่แม่นยำในงานถ่ายภาพพอร์ตเทรตหรือการถ่ายภาพสินค้า นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับงานวิดีโอคลิปที่ต้องการแสงที่สมดุลและคุณภาพสีที่ดี


ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 เหมาะกับใช้งานแบบไหน ?

  1. การถ่ายภาพพอร์ตเทรต: NiceFoto HB-600 มีกำลังไฟสูงถึง 600 วัตต์ และมีดีกรี CRI (Color Rendering Index) สูง ซึ่งช่วยให้คุณได้รับแสงสว่างที่สมบูรณ์และความแม่นยำในการสี ดังนั้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ต้องการคุณภาพสีที่ดีและแสงสว่างที่มีพลัง

  2. การถ่ายภาพสินค้า: NiceFoto HB-600 มีความสามารถในการควบคุมแสงที่แม่นยำ ทำให้คุณสามารถสร้างแสงที่สมดุลและมีความเป็นธรรมชาติสำหรับการถ่ายภาพสินค้า ซึ่งช่วยเน้นเด่นคุณสมบัติและรายละเอียดของสินค้า

  3. การถ่ายวิดีโอคลิป: NiceFoto HB-600 มีฟังก์ชั่นการปรับระดับความสว่างและองค์ประกอบสี ทำให้คุณสามารถควบคุมแสงให้ตรงตามที่คุณต้องการในงานวิดีโอคลิป และช่วยให้คุณสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูง

  4. งานสตรอบ: NiceFoto HB-600 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นปรับระดับความสว่างที่สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย นักสตรอบสามารถใช้ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 เพื่อสร้างแสงที่เหมาะสมในการสตรอบรูปภาพได้

  5. งานอื่นๆ: ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 ยังเหมาะสำหรับงานอื่นๆ เช่น การถ่ายภาพน้ำตก การถ่ายภาพตระการตา หรืองานสัมมนาที่ต้องการแสงสว่างและความแม่นยำในการสี

สรุปได้ว่า ไฟสตูดิโอ NiceFoto HB-600 เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอกราฟเฟอร์ที่ต้องการแสงสว่างและคุณภาพสีที่แม่นยำในการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะในงานพอร์ตเทรต ถ่ายภาพสินค้า วิดีโอคลิป และงานอื่นๆ ที่ต้องการความแม่นยำในแสงและสี

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Icamplus คลิกที่นี่


4.ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C




ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เป็นไฟสตูดิโอพกพาที่มีคุณสมบัติที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง มีความสามารถในการสร้างแสงและสีที่หลากหลาย มาพร้อมกับการควบคุมแสงที่ยืดหยุ่น และมีคุณภาพสีที่แม่นยำ มีระบบการจัดเก็บแบตเตอรี่ที่สะดวกและสามารถชาร์จผ่าน USB-C ได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น กันน้ำและฝุ่น และมีฟังก์ชั่นพิเศษเสริมที่น่าสนใจ ทำให้เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอกราฟเฟอร์ที่ต้องการแสงสว่างและความหลากหลายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานสตูดิโอ สถานที่ภายใน หรืองานอื่นๆ ที่ต้องการแสงสว่างและความสวยงามในการถ่ายภาพและวิดีโอ


ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C ที่น่าสนใจ

  1. ดีไซน์ที่สะดวกในการใช้งาน: Nanlite PavoTube II 6C มีดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดและพกพาง่าย มีขนาดเล็กแต่มีความยาวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ทำให้คุณสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งในสถานที่ภายในและภายนอก

  2. แหล่งจ่ายไฟที่หลากหลาย: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C มาพร้อมกับแบตเตอรี่ชนิดเดียวกับสมาร์ทโฟนและแบบชาร์จ USB-C ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้งานไฟสตูดิโอได้ทั้งในที่ที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟและสะดวกในการชาร์จ

  3. สีและความสว่างที่หลากหลาย: PavoTube II 6C มาพร้อมกับโปรแกรมสี RGBWW ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงให้ตรงตามที่คุณต้องการ มีไฟสีแบบ RGB สามารถสร้างแสงสีสันต่างๆ ได้หลากหลาย รวมถึงไฟสีขาวที่มีความสว่างสูงและคุณภาพสีที่แม่นยำ

  4. ความสามารถในการควบคุมแสง: Nanlite PavoTube II 6C มาพร้อมกับระบบควบคุมแสงที่มีความยืดหยุ่น คุณสามารถปรับระดับความสว่าง สี และอินเทนซิตี้ของไฟสตูดิโอได้ตามที่คุณต้องการ โดยใช้รีโมทที่มาในชุดหรือผ่านแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

  5. ความทนทานและทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C มีการออกแบบที่ทนทานและทนต่อสภาพแวดล้อม มีการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้ในสถานการณ์ที่ต้องการความทนทาน

  6. ฟังก์ชั่นพิเศษเสริม: Nanlite PavoTube II 6C ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษเสริมที่น่าสนใจ เช่น โหมดมิวสิควิดีโอ โหมดฟลิกเกอร์ และโหมดอื่นๆ ที่ช่วยให้คุณสร้างเอฟเฟกต์แสงที่น่าสนใจ


คุณสมบัติหลักของไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C:

  1. ความสว่างและสีที่หลากหลาย: Nanlite PavoTube II 6C มีไฟสีขาวและไฟสี RGBWW ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงสีได้ตามต้องการ สามารถสร้างเอฟเฟกต์แสงที่หลากหลายได้ รวมถึงมีความสว่างสูงสำหรับการใช้งานที่ต้องการแสงสว่าง

  2. ความยืดหยุ่นในการควบคุม: ไฟสตูดิโอนี้มาพร้อมกับระบบควบคุมแสงที่ยืดหยุ่น คุณสามารถปรับระดับความสว่าง สี และอินเทนซิตี้ของแสงได้ตามต้องการ ด้วยการใช้รีโมทที่มาในชุดหรือแอปพลิเคชันผ่านสมาร์ทโฟน

  3. โหมดสร้างเอฟเฟกต์พิเศษ: ไฟสตูดิโอ PavoTube II 6C มีฟังก์ชั่นพิเศษเสริมที่ช่วยให้คุณสร้างเอฟเฟกต์แสงที่น่าสนใจ เช่น โหมดมิวสิควิดีโอ โหมดฟลิกเกอร์ โหมดสแกนสี และอื่นๆ

  4. ระบบจัดเก็บแบตเตอรี่ที่สะดวก: Nanlite PavoTube II 6C มาพร้อมกับแบตเตอรี่ชนิดเดียวกับสมาร์ทโฟน และสามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ได้ ทำให้คุณสามารถใช้งานไฟสตูดิโอได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่

  5. ความทนทานและทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C มีการออกแบบที่ทนทานและทนต่อสภาพแวดล้อม มีการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้ในสถานการณ์ที่ต้องการความทนทาน

  6. การใช้งานที่หลากหลาย: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพและวิดีโอกราฟเฟอร์ที่ต้องการแสงสว่างและความหลากหลายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานสตูดิโอ สถานที่ภายใน หรืองานอื่นๆ ที่ต้องการแสงสว่างและความสวยงามในการถ่ายภาพและวิดีโอ


ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C ฟังก์ชั่นการใช้งานมีอะไรบ้าง ?

  1. โหมดสี RGBWW: สามารถเลือกใช้งานไฟสีขาว สี RGB หรือสีที่ผสมระหว่างสีขาวและสี RGB เพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงที่หลากหลาย

  2. โหมดเต็มสี (Full Color Mode): ในโหมดนี้คุณสามารถเลือกใช้งานจากแบงค์สีที่มีอยู่มากกว่า 360 แบบ ให้คุณสามารถสร้างแสงสีที่คมชัดและน่าสนใจได้

  3. โหมดอิฐเวท (Gel Mode): คุณสามารถใช้งานแบบเอฟเฟกต์สีที่ได้มากับเฟรมอิฐเวทภายในไฟสตูดิโอเพื่อสร้างเอฟเฟกต์สีที่ต้องการ

  4. โหมดสเปคตรัม (Specular Mode): โหมดนี้ช่วยให้คุณสามารถสร้างแสงที่แม่นยำและน้อยมากขึ้น ทำให้คุณสามารถสร้างเอฟเฟกต์แสงตามที่ต้องการได้อย่างละเอียด

  5. โหมดแฟลช (Flash Mode): ในโหมดนี้คุณสามารถใช้ไฟสตูดิโอเป็นแฟลชได้ โดยสามารถปรับอินเทนซิตี้และช่วงเวลาของแฟลชได้ตามต้องการ

  6. โหมดสแกนสี (Color Scan Mode): ไฟสตูดิโอสามารถสแกนสีจากออบเจกต์รอบๆ และสร้างแสงสีตามสเปกตรัมของสีที่ตรวจจับได้

  7. โหมดมิวสิควิดีโอ (Music Mode): ในโหมดนี้คุณสามารถปรับให้แสงสตูดิโอตอบสนองตามจังหวะเพลงหรือเสียงพูดที่ถูกต้อง

  8. โหมดอื่น ๆ: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เช่น โหมดพัดลม (FX Mode) เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ลมหรือโบกเบิกที่น่าสนใจ

ผ่านรีโมทที่มาในชุดหรือแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน คุณสามารถควบคุมและปรับแสงได้ตามต้องการ


ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?


ข้อดี:

  1. ความหลากหลายในการใช้งาน: Nanlite PavoTube II 6C มาพร้อมกับโหมดสี RGBWW และโหมดเต็มสีที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างแสงสีที่หลากหลายได้ตามต้องการ โดยมีแบงค์สีที่มากกว่า 360 แบบให้เลือกใช้งาน

  2. ความสะดวกในการใช้งาน: มีรีโมทที่ใช้ง่ายและแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนที่สามารถควบคุมและปรับแสงได้ ทำให้คุณสามารถปรับแสงและสีได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

  3. ความพกพาสะดวก: Nanlite PavoTube II 6C เป็นไฟสตูดิโอแบบพกพาที่มีขนาดกะทัดรัด ทำให้คุณสามารถพกพาและใช้งานได้ทุกที่ที่คุณต้องการ

  4. คุณภาพแสงที่ดี: ไฟสตูดิโอนี้มีการสร้างแสงที่คมชัดและน่าสนใจ มีความสามารถในการปรับความสว่าง อินเทนซิตี้ และองค์ประกอบสีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ

ข้อเสีย:

  1. ราคาที่สูง: Nanlite PavoTube II 6C เป็นไฟสตูดิโอที่มีราคาที่สูงกว่าบางรุ่นอื่นในตลาด ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคนที่มีงบประมาณจำกัด

  2. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่: แม้ว่า Nanlite PavoTube II 6C จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่และสามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน แต่ในบางกรณีอาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งาน

  3. ความจำเป็นในการเรียนรู้การใช้งาน: Nanlite PavoTube II 6C มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาและเรียนรู้เพื่อใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

นี่เป็นข้อดีและข้อเสียหลักของไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C แต่อย่าลืมว่าความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของคุณเอง


ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เหมาะกับใช้งานแบบไหน ?


ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เหมาะกับการใช้งานในหลายสถานการณ์ด้วยความหลากหลายของฟังก์ชั่นที่มีอยู่ ตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะสมได้แก่:

  1. การถ่ายภาพและวิดีโอสตูดิโอ: Nanlite PavoTube II 6C มีฟังก์ชั่นการสร้างแสงสี RGBWW ที่หลากหลาย ดังนั้นคุณสามารถใช้ไฟสตูดิโอนี้ในการสร้างเอฟเฟกต์สีที่น่าสนใจในการถ่ายภาพหรือวิดีโอสตูดิโอได้

  2. การถ่ายภาพสติลล์และแฟชั่น: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างแสงและเอฟเฟกต์ที่สวยงามได้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสติลล์และการถ่ายภาพแฟชั่นที่ต้องการการแสดงผลที่น่าสนใจ

  3. การใช้งานในสถานที่และการถ่ายภาพเหตุการณ์สด: ไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C เป็นไฟสตูดิโอพกพาที่สะดวกในการใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพงานอีเวนต์สด การถ่ายภาพสินค้าในสตูดิโอเล็ก ๆ หรือการถ่ายภาพนอกสถานที่

  4. การใช้งานในงานสร้างสรรค์: Nanlite PavoTube II 6C เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับนักสร้างสรรค์ที่ต้องการการสร้างแสงและเอฟเฟกต์ที่หลากหลาย เช่น การถ่ายภาพสตรีต์แบบน่าสนใจ การสร้างวีดีโอคลิปที่มีแสงและสีที่สวยงาม

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับไฟสตูดิโอ Nanlite PavoTube II 6C แต่อย่าลืมว่าความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความคาดหวังในการใช้งานของคุณเอง

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Icamplus คลิกที่นี่


5.ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II





Aputure Light Storm LS C120d II เป็นไฟสตูดิโอ LED ที่มีความสามารถในการสร้างแสงที่มีความสว่างสูงและคุณภาพสูงในการถ่ายภาพและวิดีโอ มีฟังก์ชั่นควบคุมแสงสูงสมบูรณ์ที่สามารถปรับแสงและสีได้แม่นยำ มีระบบระบายความร้อนที่ดี เหมาะสำหรับใช้ในสตูดิโอและสถานที่ถ่ายภาพอื่น ๆ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและติดตั้ง มาพร้อมกับระบบยึดอุปกรณ์ Bowens Mount เพื่อความสะดวกในการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ Aputure Light Storm LS C120d II เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแสงสว่างและคุณภาพในการสร้างสรรค์งานศิลปะทางภาพ


นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับ Aputure Light Storm LS C120d II:

  1. ความสว่างและสี: Aputure Light Storm LS C120d II มาพร้อมกับแหล่งกำเนิดแสง LED COB (Chip-on-Board) แบบเดียวที่มีกำลังไฟสูงถึง 135,000 Lux @ 0.5 เมตร ให้ความสว่างและความเป็นเอกลักษณ์ในการถ่ายภาพ มีดีไซน์แบบพรีเมียมเพื่อให้แสงและสีมีความเป็นธรรมชาติ และมีช่วงสีอุณหภูมิที่แน่นอนในระดับ 5500K (+/- 200K) ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ

  2. ฟังก์ชั่นการควบคุม: มีความยืดหยุ่นในการควบคุมแสงด้วยฟังก์ชั่นสลับเปลี่ยนการตั้งค่าแสง (dimming) ให้เหมาะกับความต้องการของคุณ สามารถปรับระดับความสว่างตั้งแต่ 1% ถึง 100% ได้ รวมถึงสามารถปรับความเข้มของแสงขาวและสีแยกกันได้อีกด้วย

  3. การควบคุมระยะไกล: มีการควบคุมระยะไกลผ่านระบบ 2.4G ที่ชื่อ Aputure's Wireless Remote ที่ให้คุณควบคุมและปรับแสงได้จากระยะไกล และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น Aputure's Sidus Link mobile app หรือ Aputure's Wireless Remote Control ได้อีกด้วย

  4. การระบายความร้อน: ออกแบบมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อป้องกันการระบายความร้อนที่เกินไปในการใช้งานต่อเนื่องนานๆ และเพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์

  5. การใช้งานและการติดตั้ง: Aputure Light Storm LS C120d II มีการใช้งานและการติดตั้งที่สะดวก มีการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทั้งในสตูดิโอและสถานที่ถ่ายภาพอื่น ๆ มีระบบยึดอุปกรณ์ Bowens Mount ที่ให้คุณสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นร่มกันแสง แผ่นกรองสี หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ


ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II มีคุณสมบัติมีอะไรบ้าง

ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II มีคุณสมบัติที่หลากหลายที่ช่วยให้มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการใช้งาน นี่คือคุณสมบัติหลักของ Aputure Light Storm LS C120d II:

  1. ความสว่างและความสมดุล: มีแหล่งกำเนิดแสง LED COB ที่ให้ความสว่างสูงถึง 135,000 Lux @ 0.5 เมตร และมีการกระจายแสงที่มีความสมดุลเพื่อให้ได้แสงที่เน้นและสม่ำเสมอ

  2. ความเปลี่ยนแปลงได้ในสไตล์ภาพ: มีฟังก์ชั่น Dimming ที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 1% ถึง 100% เพื่อให้คุณสามารถสร้างอารมณ์และแสงที่ต้องการสำหรับโปรเจคของคุณ

  3. ความหลากหลายในการสี: มีความสามารถในการปรับแสงให้เป็นสีขาวอุณหภูมิ 5500K (+/- 200K) และยังมีช่วงสี RGB ที่สามารถปรับแสงเป็นสีที่คุณต้องการได้

  4. ระบบควบคุมอัจฉริยะ: มีระบบควบคุมผ่านการใช้งานโทรศัพท์มือถือผ่านแอปพลิเคชัน Aputure Sidus Link เพื่อความสะดวกในการปรับแสงและสี

  5. การเปลี่ยนแปลงเชิงกลไก: มาพร้อมกับระบบยึดอุปกรณ์ Bowens Mount ที่ช่วยให้สามารถต่อเพิ่มอุปกรณ์เสริมเช่นร่มกันแสงหรือแผ่นกรองสีได้

  6. การระบายความร้อน: มีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อป้องกันการระบายความร้อนที่เกินไปในการใช้งานต่อเนื่องนานๆ และเพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์

  7. การใช้งานและการติดตั้ง: มีการใช้งานและการติดตั้งที่สะดวก มาพร้อมกับโคมไฟที่เลื่อนได้และระบบยึดอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน

  8. การควบคุมการแสง: มีฟังก์ชั่นการควบคุมการแสงในรูปแบบสตรอบไฟแบบปกติและสตรอบไฟแบบพลวัต ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงได้ตามความต้องการของโปรเจค


ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II ฟังก์ชั่นการใช้งานมีอะไรบ้าง ?

ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมและปรับแสงได้อย่างแม่นยำ นี่คือฟังก์ชั่นหลักของ Aputure Light Storm LS C120d II:

  1. ควบคุมความสว่าง: คุณสามารถปรับระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 1% ถึง 100% ในระดับความเข้มแสงที่คุณต้องการ ซึ่งช่วยให้คุณสร้างอารมณ์และแสงที่เหมาะสมกับโปรเจกต์ของคุณ

  2. ปรับแสงที่ติดตั้ง: มีฟังก์ชั่น Tilt และ Rotate ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแสงไปยังทิศทางที่ต้องการได้ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทำแสงแบบสองมิติและสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจ

  3. ปรับแสงสี: คุณสามารถปรับแสงสีให้เป็นสีขาวอุณหภูมิ 5500K (+/- 200K) และยังมีระบบสี RGB ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างแสงที่มีสีและอารมณ์ที่แตกต่างได้

  4. ระบบควบคุมอัจฉริยะ: มาพร้อมกับระบบควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Aputure Sidus Link ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมแสงผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ ซึ่งมีฟังก์ชั่นการควบคุมที่เพิ่มเติมเช่น การเปิด/ปิด การปรับความสว่าง การปรับสี และการตั้งค่าโปรแกรมอัตโนมัติ

  5. ระบบทำความร้อนอัจฉริยะ: มีระบบควบคุมอุณหภูมิในตัวเครื่องที่ช่วยให้อุณหภูมิคงที่และป้องกันการร้อนเกินไปในระหว่างการใช้งาน

  6. แบตเตอรี่และการจ่ายไฟ: มาพร้อมกับแบตเตอรี่ V-mount ให้ความต่อเนื่องในการใช้งาน และยังมีช่องเสียบ AC Power สำหรับการจ่ายไฟต่อเนื่อง

  7. การใช้งานและการติดตั้ง: มีการใช้งานและการติดตั้งที่สะดวก มาพร้อมกับระบบยึดอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน


ไฟสตูดิโอ Aputure Light Storm LS C120d II มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?


ข้อดี:

  1. ความสว่างและความแม่นยำ: มีความสว่างสูงถึง 135,000 Lux ที่ระยะที่ 0.5 เมตรและความแม่นยำในการปรับระดับความสว่างที่สูง

  2. ความสะดวกในการใช้งาน: มีระบบควบคุมที่ใช้ง่ายและสามารถปรับความสว่างและสีได้ตามต้องการ รวมถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติมเช่น ปรับค่าเอฟเฟกต์ ฟังก์ชั่นเบลนด์และฟลิกเกอร์

  3. ความสามารถในการควบคุมแสง: มาพร้อมกับระบบควบคุมอัจฉริยะที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมแสงผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้

  4. คุณภาพแสงที่ดี: สร้างแสงที่มีความสม่ำเสมอและสีที่แม่นยำ มีดีเทลในการเก็บรักษาและกำหนดสี

  5. การออกแบบที่ทนทาน: มีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทานที่สามารถทนต่อการใช้งานในสภาวะที่ต้องการระดับความสว่างสูง


ข้อเสีย:

  1. ราคาสูง: เป็นไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพที่มีคุณภาพสูง ซึ่งทำให้มีราคาที่สูงกว่าไฟสตูดิโอรุ่นอื่น

  2. ขนาดและน้ำหนัก: เนื่องจากมีความสามารถและคุณภาพที่สูง อาจมีขนาดใหญ่และน้ำหนักที่มากกว่าไฟสตูดิโอทั่วไป

  3. ความจำเป็นในการใช้พลังงาน: ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟที่มีกำลังเพื่อทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

  4. อุปกรณ์เสริม: บางครั้งอาจต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเพื่อใช้งานร่วมกับไฟสตูดิโอนี้

หากคุณกำลังมองหาไฟสตูดิโอที่มีความสว่างสูงและสามารถควบคุมแสงได้อย่างแม่นยำ และต้องการคุณภาพแสงที่ดี Aputure Light Storm LS C120d II เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพ นักถ่ายวิดีโอ และการผลิตเนื้อหาอื่นๆ ที่ต้องการแสงที่มีคุณภาพสูงและความสม่ำเสมอในการถ่ายภาพและวิดีโอสตูดิโอ

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Icamplus คลิกที่นี่



พูดคุย-สอบถาม