วิธีจับคู่ (Pairing) และยกเลิกการจับคู่ (Unpairing) หูฟัง Saramonic WiTalk9

วิธีจับคู่ (Pairing) และยกเลิกการจับคู่ (Unpairing) หูฟัง Saramonic WiTalk9

การจับคู่หูฟัง Master และ Remote ของ Saramonic WiTalk9 เป็นขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่แล้วหูฟังที่มาในชุดเดียวกันจะถูกจับคู่มาจากโรงงานแล้ว แต่หากคุณต้องการเพิ่มหูฟัง Remote ใหม่ หรือต้องการรีเซ็ตการจับคู่ ก็สามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลย

วิธีการจับคู่ (How to Pair)

ใช้สำหรับเชื่อมต่อหูฟัง Remote ตัวใหม่เข้ากับ Master

1. เข้าสู่โหมดจับคู่ที่หูฟัง Master:

   • ปิดหูฟัง Master (M) และหูฟัง Remote (R) ที่ต้องการจะจับคู่

   • ที่หูฟัง Master (M) ให้กดปุ่ม Power และปุ่ม A ค้างไว้พร้อมกันจนกว่าไฟสถานะจะกระพริบเป็นสี แดงและน้ำเงินสลับกัน จากนั้นจึงปล่อยมือ นี่คือสถานะ "โหมดจับคู่"

2. เข้าสู่โหมดจับคู่ที่หูฟัง Remote:

   • ที่หูฟัง Remote (R) ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าไฟสถานะจะกระพริบเป็นสี แดงและน้ำเงินสลับกัน จากนั้นปล่อยมือ

3. รอการเชื่อมต่อ:

   • นำหูฟังทั้งสองมาไว้ใกล้ๆ กัน

   • กดปุ่ม Power ที่หูฟัง Master (M) หนึ่งครั้งเพื่อยืนยันการจับคู่

   • หูฟังจะทำการเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ เมื่อสำเร็จ ไฟสถานะของหูฟัง Master (M) จะเป็นสีน้ำเงินค้าง และไฟของหูฟัง Remote (R) จะเป็นสีน้ำเงินกระพริบช้าๆ

วิธีการยกเลิกการจับคู่ (How to Unpair)

ใช้สำหรับล้างค่าการเชื่อมต่อทั้งหมดของหูฟัง Master

1. เข้าสู่โหมดจับคู่ที่หูฟัง Master:

   • ปิดหูฟัง Master (M) ก่อน

   • กดปุ่ม Power และปุ่ม A ค้างไว้พร้อมกันจนกว่าไฟสถานะจะกระพริบเป็นสี แดงและน้ำเงินสลับกัน

2. สั่งยกเลิกการจับคู่:

   • กดปุ่ม Power ที่หูฟัง Master (M) สามครั้ง ติดกันอย่างรวดเร็ว (Triple-Click)

   • ไฟสถานะจะเปลี่ยนเป็นสี น้ำเงินค้าง เป็นเวลา 2 วินาทีแล้วดับลง ซึ่งหมายความว่าการยกเลิกการจับคู่เสร็จสมบูรณ์ และหูฟัง Remote ทั้งหมดที่เคยเชื่อมต่อไว้ได้ถูกลบออกจากหน่วยความจำแล้ว

เจาะลึกสถานการณ์ใช้งาน: WiTalk9 เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง?

นอกจากการใช้งานในกองถ่ายทั่วไปแล้ว WiTalk9 ยังเปล่งประกายความสามารถในสถานการณ์เหล่านี้ด้วยครับ

• งานถ่ายทอดสด (Live Streaming & Broadcasting): ลองนึกภาพทีมงานสวิตเชอร์ (Switcher) คุยกับตากล้อง 2-3 คน พร้อมกับผู้ควบคุมเสียงได้ทันที "กล้อง 2 ซูมเข้าไปอีกนิดครับ... เสียงพิธีกรเบาไปนิดนึงครับ... สแตนด์บายรับสปอนเซอร์ครับ" การสื่อสารที่ไร้ดีเลย์แบบนี้ ช่วยให้งานไลฟ์ราบรื่นและลดความผิดพลาดได้มหาศาลเลยครับ

• การจัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ต: ผู้จัดการเวที (Stage Manager) คือหัวใจของงานครับ การที่พวกเขาสามารถสั่งการทีมงานไฟ, เสียง, เอฟเฟกต์ และทีมงานหลังเวทีได้พร้อมกัน ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามคิวที่วางไว้เป๊ะๆ ไม่ต้องตะโกนหรือวิ่งวุ่นเหมือนเคยครับ

• ทีมผลิตสารคดีและรายการนอกสถานที่: ในสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญมากครับ ผู้กำกับสามารถให้คำแนะนำตากล้องที่กำลังเดินตามถ่ายตัวละคร หรือแจ้งทีมงานอีกคนที่อยู่ไกลออกไปให้เตรียมพร้อมได้ทันที โดยไม่รบกวนบรรยากาศการถ่ายทำครับ

• งานพิธีการ เช่น งานแต่งงาน: ทีมช่างภาพวิดีโอ 2-3 คนสามารถสื่อสารกันได้อย่างเงียบๆ เพื่อหามุมที่ดีที่สุด "ผมเก็บภาพรวมอยู่ พี่เข้าไปเก็บช็อตโคลสอัพแหวนได้เลยครับ" ทำให้ได้ฟุตเทจที่สมบูรณ์แบบโดยไม่รบกวนบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของพิธีครับ