สวัสดีครับชาวครีเอเตอร์ทุกคน! วันนี้ผมจะมาพูดถึงของเล่นชิ้นใหม่ที่บอกเลยว่าไม่ใช่แค่ "ของเล่น" แต่มันคือ "เครื่องมือเปลี่ยนโลก" ของวงการไมโครโฟนไร้สายเลยทีเดียว! กับเจ้า Hollyland Lark Max 2 ที่เพิ่งเปิดตัวมาสดๆ ร้อนๆ และสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการ ถ้าคุณคิดว่าไมค์ไวเลสที่คุณใช้อยู่มันดีแล้ว... ผมอยากให้คุณคิดใหม่อีกครั้ง เพราะนี่คือการยกระดับที่แท้ทรู!
ลืมภาพจำเก่าๆ ของเสียงซ่า เสียงลมแทรก หรือเสียงพูดที่แห้งแล้งเหมือนขาดน้ำไปได้เลย เพราะ Lark Max 2 มาพร้อมกับเทคโนโลยีไม้ตายที่ชื่อว่า FocalClear ซึ่งไม่ใช่แค่การตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation) ธรรมดาๆ แต่มันคือศิลปะแห่งการสกัด "แก่นแท้" ของเสียงพูดให้ออกมาคมชัด ใสกริ๊ง และเป็นธรรมชาติที่สุด! เอาล่ะ อย่ามัวเสียเวลา เรามาผ่าตัดเจาะลึกกันทุกซอกทุกมุมเลยดีกว่าว่าเจ้าไมค์ตัวนี้มันจะ "ปัง" แค่ไหน!
แค่เห็นกล่องก็รู้สึกถึงความพรีเมียมแล้วครับ แต่พอเปิดออกมาเท่านั้นแหละ... โอ้โห! Hollyland จัดมาให้แบบไม่กั๊กจริงๆ ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบในเคสชาร์จ (Charging Case) ที่หน้าตาหล่อเหลาและแข็งแรงทนทานมาก สิ่งที่คุณจะได้รับในชุด Combo มีดังนี้ครับ:
สัมผัสแรกคือ "งานประกอบดีเยี่ยม" วัสดุที่ใช้ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานแต่ก็น้ำหนักเบา ตัว TX และ RX มีพื้นผิวแบบ Matte ที่ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่ายๆ ส่วนเคสชาร์จก็ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น มั่นใจได้เลยว่าพกพาไปไหนมาไหนก็พร้อมลุยทุกสถานการณ์
มาถึงพระเอกของงานกันแล้วครับ! FocalClear ไม่ใช่แค่ชื่อการตลาดเท่ๆ แต่มันคือเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ มันคือการทำงานร่วมกันของ 3 ส่วนสำคัญครับ:
ผมลองเอา Lark Max 2 ไปทดสอบในหลายๆ สถานการณ์ที่ไมค์ทั่วไปต้องยอมแพ้:
สรุปสั้นๆ สำหรับ FocalClear: มันไม่ใช่แค่การ "ตัด" เสียงรบกวน แต่มันคือการ "คัด" เอาเฉพาะเสียงที่คุณต้องการ และทำให้มัน "ดีที่สุด" เท่าที่จะเป็นไปได้ ผลลัพธ์คือเสียงที่สะอาด เป็นธรรมชาติ และพร้อมใช้งานได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องเอาไปปรับแต่งต่อในโปรแกรมเลย!
นอกจากการตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยมแล้ว พื้นฐานของคุณภาพเสียงเองก็สำคัญไม่แพ้กัน Lark Max 2 จัดเต็มมาให้ด้วยการบันทึกเสียงที่ความละเอียดสูงถึง 48kHz/24-bit
ตัวเลขนี้บอกอะไรเรา? พูดง่ายๆ คือมันเก็บรายละเอียดของเสียงได้ "ลึก" และ "กว้าง" กว่าไมค์มาตรฐานทั่วไปมาก เสียงที่ได้จะมีความอิ่ม มีมิติ มีน้ำมีนวล สามารถจับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในน้ำเสียงได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเสียงลมหายใจ หรือเสียงการสั่นของเส้นเสียง มันเหมาะสุดๆ สำหรับงานที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับโปรดักชัน เช่น งานพอดแคสต์, งานพากย์เสียง (Voice-over), หรือแม้กระทั่งการทำ ASMR ก็ยังไหว!
ยังไม่หมดครับ! Hollyland อัดฟีเจอร์มาให้แบบจุกๆ จนคู่แข่งต้องมองค้อน เรามาดูกันทีละอย่างเลย
นี่คือฟีเจอร์ "ฆ่าตัวท็อป" ของจริง! ตัวส่งสัญญาณ (TX) แต่ละตัวมีหน่วยความจำในตัว 14 ชั่วโมง สำหรับบันทึกเสียงสำรอง (Backup) แต่ความพิเศษของมันคือการบันทึกแบบ 32-bit Float
32-bit Float คืออะไร? มันคือการบันทึกเสียงที่มีย่านไดนามิก (Dynamic Range) กว้างแบบมหาศาลจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เสียงจะ "พีค" หรือ "แตกพร่า" แม้ว่าคุณจะตะโกนใส่ไมค์ดังแค่ไหนก็ตาม! และในทางกลับกัน ถ้าคุณพูดเบาจนเกินไป คุณก็สามารถดึงระดับเสียงขึ้นมาในโปรแกรมตัดต่อได้โดยที่ไม่มี Noise เพิ่มขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย!
ฟีเจอร์นี้เปรียบเสมือน "ประกันชีวิต" สำหรับคนทำงานเสียงครับ ไม่ว่าสัญญาณจะหลุด หรือตั้งค่า Gain ผิดพลาด คุณก็ยังมีไฟล์เสียงคุณภาพสูงสุดสำรองไว้ในตัว TX เสมอ... มันสุดยอดมาก!
ด้วยเทคโนโลยี MaxTimbre และการออกแบบเสาอากาศคู่ ทำให้ Lark Max 2 มีระยะการส่งสัญญาณที่เสถียรและไกลมากถึง 280 เมตร (Line of Sight) ถามว่าในชีวิตจริงจะได้ใช้ไกลขนาดนั้นมั้ย? อาจจะไม่ แต่ระยะที่ไกลขนาดนี้หมายถึง "ความเสถียร" ในระยะการใช้งานปกติ (10-50 เมตร) ที่ยอดเยี่ยมมากๆ สัญญาณไม่มีทางหลุดง่ายๆ แม้จะมีกำแพงหรือสิ่งกีดขวางบ้างก็ตาม
รวมๆ แล้วคุณสามารถใช้งานไมค์ชุดนี้ได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเคสเต็มหนึ่งครั้ง! เรียกได้ว่าออกไปถ่ายงานทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลย
ลืมการหนีบไมค์แบบเดิมๆ ที่บางทีก็ทำให้เสื้อยับหรือดูไม่สวยงามไปได้เลย Lark Max 2 มาพร้อมกับ "คลิปแม่เหล็ก" ที่ทรงพลังมาก คุณสามารถซ่อนตัวไมค์ไว้ใต้เสื้อ แล้วใช้คลิปแม่เหล็กดูดประกบจากด้านนอกได้เลย เนียนกริ๊บ! หรือจะแปะติดกับวัตถุที่เป็นโลหะก็ได้ สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ตัวรับสัญญาณ (RX) มีหน้าจอสัมผัสแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสวยงามและสู้แสงแดดได้ดี เมนูการใช้งานถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย (User-friendly) มากๆ คุณสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับ Gain ของไมค์แต่ละตัว, การเลือกโหมด Mono/Stereo/Safety Track, หรือการเปิด/ปิด FocalClear ทุกอย่างทำได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส
จากที่ได้ลองใช้งานมาทั้งหมด ผมกล้าพูดเลยว่าไมค์ชุดนี้เหมาะกับครีเอเตอร์แทบทุกสายงาน:
Hollyland Lark Max 2 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดจากรุ่นเดิม แต่มันคือการ "ปฏิวัติ" วงการไมโครโฟนไร้สายในระดับราคานี้เลยก็ว่าได้ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี FocalClear ที่ให้เสียงใส คมชัด เป็นธรรมชาติ, คุณภาพการบันทึกเสียงระดับ 48kHz/24-bit, และฟีเจอร์ระดับโปรอย่าง 32-bit Float Internal Recording ทำให้มันกลายเป็นไมค์ที่ "ครบเครื่อง" และ "ไร้คู่ต่อกร" ในปัจจุบัน
มันอาจจะมีราคาที่สูงกว่าไมค์ไวเลสบางรุ่นในตลาด แต่ถ้าคุณมองว่านี่คือ "การลงทุน" เพื่อคุณภาพของผลงานของคุณ ผมบอกได้คำเดียวว่า "โคตรคุ้ม" ครับ มันคือเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับงานของคุณให้โดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น และทำให้คุณหมดกังวลเรื่อง "เสียง" ไปได้เลย เพื่อที่จะได้โฟกัสกับ "เนื้อหา" ได้อย่างเต็มที่!
ถ้าคุณกำลังมองหาไมโครโฟนไร้สายที่ดีที่สุดในตอนนี้... หยุดหาได้เลยครับ คำตอบของคุณอยู่ที่ Hollyland Lark Max 2 แล้ว!