สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่น้องชาว Content Creator ทุกท่าน! ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยฝันอยากจะมี กล้องมืออาชีพ เทพๆ สักตัวไว้สร้างสรรค์ผลงานวิดีโอสุดปัง แต่พอเห็นป้ายราคาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ… จะดีแค่ไหนถ้าผมบอกว่าวันนี้ ความฝันนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แถมยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของคุณตลอดเวลาอีกด้วย! ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง Blackmagic Camera App แอปพลิเคชันที่จะมาปฏิวัติวงการวิดีโอบนมือถือ ปลดล็อกศักยภาพ iPhone ของคุณให้กลายเป็น กล้องมืออาชีพ ขนาดย่อม ที่แม้แต่โปรดักชันเฮาส์ใหญ่ๆ ยังต้องเหลียวมอง!
ในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่กับการทำคอนเทนต์มานาน บอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่แอปถ่ายวิดีโอธรรมดาๆ แต่มันคือการย่อส่วน DNA ของกล้องถ่ายหนังดิจิทัลราคาหลายแสนบาทมาไว้ในมือคุณแบบฟรีๆ! วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันทุกซอกทุกมุม ว่าทำไมแอปนี้ถึงเป็น “Game Changer” ที่แท้ทรู และมันจะเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการใช้มือถือถ่ายงานของคุณไปตลอดกาลได้อย่างไร เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลยครับ!
ก่อนจะไปดูฟีเจอร์เด็ดๆ เรามาทำความรู้จักผู้สร้างกันก่อนครับ ชื่อ Blackmagic Design อาจไม่คุ้นหูคนทั่วไป แต่สำหรับคนในวงการภาพยนตร์และโปรดักชันแล้ว นี่คือยักษ์ใหญ่ที่น่าเกรงขามเลยทีเดียว พวกเขาคือผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ระดับโลก ตั้งแต่กล้องถ่ายทำภาพยนตร์ดิจิทัล (อย่าง URSA, Pocket Cinema Camera) ที่ใช้ในหนังฮอลลีวูด ไปจนถึงซอฟต์แวร์ตัดต่อและเกรดสีอันเลื่องชื่ออย่าง DaVinci Resolve ที่มืออาชีพทั่วโลกเลือกใช้
การที่บริษัทระดับนี้ลงมาทำแอปฯ แจกฟรี มันจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ครับ แต่มันคือการส่งต่อเทคโนโลยีและปรัชญาการทำงานแบบ กล้องมืออาชีพ มาสู่ผู้ใช้ทุกคน เป็นการการันตีว่าทุกฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามานั้น “คิดมาแล้ว” และออกแบบมาเพื่อ Workflow การทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่แอปฟิลเตอร์สวยๆ ทั่วไปที่เราเคยเห็นกัน
ทันทีที่เปิดแอปฯ ขึ้นมา สิ่งแรกที่คุณจะสัมผัสได้คือ “ความจริงจัง” ครับ ลืมอินเทอร์เฟซง่ายๆ แบบแอปกล้องติดเครื่องไปได้เลย ที่นี่คือห้องควบคุมของยานอวกาศชัดๆ! แตอย่าเพิ่งตกใจไปครับ เพราะทุกอย่างถูกจัดวางอย่างมีเหตุผลเพื่อให้คุณเข้าถึงการตั้งค่าที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็วเหมือนกำลังใช้ camcoder หรือกล้องถ่ายหนังจริงๆ
หน้าจอหลัก (HUD – Heads-Up Display) แสดงข้อมูลครบถ้วนแบบ Real-time ไม่ว่าจะเป็น:
ข้อมูลทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณตัดสินใจและปรับแก้หน้างานได้ทันที ไม่ต้องเดาสุ่มอีกต่อไป นี่คือมาตรฐานของ กล้องมืออาชีพ ที่ตอนนี้มาอยู่ในมือถือคุณแล้ว!
จุดที่ทำให้แอปนี้แตกต่างจากแอปอื่นอย่างสิ้นเชิงคือการควบคุมแบบ Manual เต็มรูปแบบครับ คุณสามารถปรับค่าทุกอย่างได้ดั่งใจนึก:
การควบคุมเหล่านี้คือสิ่งที่แยก “วิดีโอ” ออกจาก “ภาพยนตร์” การที่คุณสามารถคุมโทนและอารมณ์ของภาพได้ตั้งแต่ตอนถ่าย คือก้าวแรกสู่การเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ที่เหนือกว่าใคร
นี่คือโซนสำหรับสายลึกครับ! Blackmagic Camera App ให้คุณเลือกตั้งค่าไฟล์วิดีโอได้ละเอียดชนิดที่ว่าแอปอื่นต้องอาย
นอกจากพื้นฐานที่แน่นปึ้กแล้ว แอปนี้ยังมีเครื่องมือระดับเทพที่ปกติจะเจอใน กล้องมืออาชีพ หรือ camcoder ราคาแพงเท่านั้น
ฟีเจอร์นี้คือการปฏิวัติของจริง! คุณสามารถเชื่อมต่อแอปเข้ากับโปรเจกต์ใน Blackmagic Cloud ได้ เมื่อคุณถ่ายวิดีโอเสร็จ ไฟล์ Proxy (ไฟล์ขนาดเล็ก) จะถูกอัปโหลดขึ้นคลาวด์โดยอัตโนมัติ ทำให้ Editor ที่อยู่อีกซีกโลกสามารถเริ่มตัดต่องานของคุณได้ทันทีบน DaVinci Resolve โดยไม่ต้องรอไฟล์เต็ม! นี่คือ Workflow ที่โปรดักชันใหญ่ๆ ใช้กัน และตอนนี้มันฟรีสำหรับทุกคนแล้ว
เบื่อไหมกับการเดาว่าแสงพอดีหรือยัง? หรือสีที่เห็นตอนนี้ พอเอาไปเกรดแล้วจะเป็นยังไง? แอปนี้มีคำตอบให้ครับ
บอกเลยว่าแอปนี้เหมาะกับทุกคนที่ “จริงจัง” กับการทำวิดีโอครับ
หากคุณอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการหลังการถ่ายทำ สามารถอ่านบทความของเราเรื่อง “เทคนิคการเลือกซอฟต์แวร์ตัดต่อสำหรับมือใหม่” เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปได้เลยครับ
แน่นอนว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ 100% แอปนี้ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องรู้ไว้ครับ
1. แอปนี้ฟรีจริงๆ หรือ มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอะไรไหม?
ตอบ: ฟรี 100% ครับ! ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ไม่มีโฆษณา ไม่มีการซื้อในแอปสำหรับฟีเจอร์หลักๆ โมเดลธุรกิจของ Blackmagic คือการสร้าง Ecosystem ให้คนเข้ามาใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นของเขา เช่น Blackmagic Cloud (ซึ่งมีทั้งแพลนฟรีและเสียเงิน) และซอฟต์แวร์ DaVinci Resolve ครับ แต่ตัวแอปกล้องเองนั้นใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
2. ถ้าไม่ได้ใช้ DaVinci Resolve จะใช้แอปนี้ได้ไหม?
ตอบ: ได้แน่นอนครับ! แม้ว่าฟีเจอร์ Blackmagic Cloud จะทำงานร่วมกับ DaVinci Resolve ได้ดีที่สุด แต่ไฟล์วิดีโอที่ถ่ายจากแอปนี้ (ไม่ว่าจะเป็น H.265 หรือ ProRes) เป็นไฟล์มาตรฐานสากล คุณสามารถนำไปตัดต่อในโปรแกรมอื่นๆ ได้ทั้งหมด เช่น Final Cut Pro, Adobe Premiere Pro หรือ LumaFusion ครับ คุณแค่จะไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Workflow บนคลาวด์เท่านั้นเอง
3. คุณภาพไฟล์ที่ได้จากแอปนี้ เทียบกับ กล้องมืออาชีพ จริงๆ ได้แค่ไหน?
ตอบ: ในแง่ของข้อมูลไฟล์ (Codec, Bitrate, Color Science) ถือว่าใกล้เคียงและอยู่ในระดับที่ใช้งานโปรดักชันจริงจังได้เลย โดยเฉพาะเมื่อถ่ายด้วย ProRes แต่ปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้ กล้องมืออาชีพ ได้เปรียบคือ “ขนาดเซ็นเซอร์” และ “คุณภาพเลนส์” ซึ่งส่งผลต่อ Dynamic Range, ประสิทธิภาพในที่แสงน้อย และมิติของภาพ (Depth of Field) ครับ อย่างไรก็ตาม สำหรับงานออนไลน์และงานส่วนใหญ่แล้ว คุณภาพที่ได้จากแอปนี้ถือว่า “เหลือเฟือ” และดีพอที่จะนำไปผสมกับฟุตเทจจากกล้องใหญ่ได้อย่างไม่น่าเกลียดเลยครับ
สรุปแบบฟันธงเลยนะครับ Blackmagic Camera App ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชัน แต่เป็น “เครื่องมือ” ที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ มันได้ทลายกำแพงราคาของอุปกรณ์ระดับโปรลงอย่างสิ้นเชิง และมอบพลังในการสร้างสรรค์ที่เคยจำกัดอยู่แค่ในมืออาชีพมาสู่พวกเราทุกคน
มันอาจไม่ได้มาแทนที่ กล้องมืออาชีพ หรือ camcoder ราคาหลายแสนได้ในทุกสถานการณ์ แต่มันได้ยกระดับ “มาตรฐานขั้นต่ำ” ของงานวิดีโอจากมือถือให้สูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว มันคือเครื่องมือพิสูจน์ว่ายุคนี้ “ข้อจำกัดด้านอุปกรณ์” ไม่ใช่ข้ออ้างของการไม่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ อีกต่อไป
สำหรับชาว Creator ทุกคน นี่คือของขวัญจากพระเจ้าชัดๆ ครับ หยุดรอช้า แล้วไปที่ App Store กดดาวน์โหลดมาลองเล่นกันได้เลย แล้วคุณจะพบว่า กล้องมืออาชีพ ที่ดีที่สุด ก็คือกล้องที่อยู่กับคุณตลอดเวลานั่นเอง!