ชาว Content Creator, Vlogger, Streamer, หรือแม้แต่แก๊งทำหนังสั้นในโรงเรียนมารวมกันตรงนี้! เคยเจอปัญหาตะโกนคุยกันข้ามห้องจนคอแหบแห้ง หรือใช้แอปแชตแล้วเสียงดีเลย์จนงานพังไม่เป็นท่าไหม? ถ้าคำตอบคือ "ใช่!" งั้นถึงเวลาที่ต้องรู้จักกับไอเทมเทพอย่าง Wireless Intercom กันแล้ว และถ้าพูดถึงแบรนด์นี้ ต้องมีชื่อของ Hollyland Solidcom ติดโผมาเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน
แต่วันนี้เราไม่ได้จะมาแค่แนะนำ แต่จะมาเปิดศึก ชำแหละเปรียบเทียบกันหมัดต่อหมัดระหว่างสองรุ่นสุดฮิต Hollyland Solidcom C1 (Global Version) รุ่นพี่สุดเก๋าที่ใส่ง่ายใช้ง่าย กับรุ่นน้องอัปเกรดอย่าง Hollyland Solidcom C1 Pro ที่มาพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนสุดล้ำ! บทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ว่า... รุ่นไหนคือคู่หูที่ใช่สำหรับทีมของเราในปีนี้!
คิดง่ายๆ เลยนะ Wireless Intercom มันก็เหมือนเราสร้างห้อง Voice Chat ส่วนตัวแบบใน Discord หรือ TeamSpeak ให้กับทีมงานของเราในชีวิตจริง แต่เจ๋งกว่าตรงที่มัน ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต เสียงเคลียร์ ไม่ดีเลย์ และพร้อมใช้งานทันทีที่หยิบขึ้นมาสวมหัว!
ไม่ว่าจะเป็นทีมถ่ายทำที่ตากล้องต้องสื่อสารกับผู้กำกับ, ทีมจัดอีเวนต์ที่ต้องประสานงานกันทั่วพื้นที่, หรือแก๊งสตรีมเมอร์ที่อยากคุยกันหลังบ้านแบบไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป... เจ้า Intercom นี่แหละคือพระเอกตัวจริงที่จะทำให้การทำงานเป็นทีมราบรื่นขึ้นแบบคนละเรื่อง และแบรนด์ Hollyland Solidcom ก็เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่ทำของออกมาได้คุณภาพดี ใช้งานง่าย ในราคาที่จับต้องได้
ก่อนจะไปลงลึกในรายละเอียด เรามาดูตารางเปรียบเทียบสเปคหลักๆ ของทั้งสองรุ่นกันก่อน จะได้เห็นภาพรวมว่าใครมีอะไรเด็ดบ้าง
ฟีเจอร์ | Hollyland Solidcom C1 (Global) | Hollyland Solidcom C1 Pro |
---|---|---|
เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน | ไม่มี | มี (Dual-Mic ENC) |
โหมดการพูด | Full-Duplex (พูดตลอดเวลา) | Full-Duplex & Push-to-Talk (PTT) |
ย่านความถี่ | 1.9 GHz DECT 6.0 | 1.9 GHz DECT 6.0 |
ระยะทำการ | สูงสุด 1,100ft (350m) Line-of-Sight | สูงสุด 1,100ft (350m) Line-of-Sight |
แบตเตอรี่ | ~10 ชม. (Remote) / ~5-6 ชม. (Master) | ~10 ชม. (Remote) / ~5-6 ชม. (Master) |
ความสะดวก | ใช้งานง่ายมาก (Ready out of box) | ใช้งานง่าย (มีปุ่มเพิ่มสำหรับฟีเจอร์) |
ความเข้ากันได้ | ทำงานร่วมกันในรุ่น C1 เท่านั้น | ทำงานร่วมกันในรุ่น C1 Pro เท่านั้น |
รุ่น C1 คือรุ่นมาตรฐานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Hollyland Solidcom เลยก็ว่าได้ จุดเด่นของมันคือ "ความง่าย" แบบสุดๆ แค่หยิบออกมาจากกล่อง ใส่แบตเตอรี่ ก็พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการความรวดเร็วและไม่ซับซ้อน
มาถึงรุ่นน้องที่เกิดมาเพื่อ "ฆ่า" ทุกเสียงรบกวน! Hollyland Solidcom C1 Pro คือการนำทุกอย่างที่ดีของรุ่น C1 มาต่อยอดและเพิ่มฟีเจอร์ระดับโปรเข้าไป โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า ENC (Environmental Noise Cancellation)
ถึงเวลาเอาสองรุ่นมาชนกันให้เห็นภาพชัดๆ ว่าในสถานการณ์จริง ใครจะเหนือกว่าในด้านไหน
ผู้ชนะ: Hollyland Solidcom C1 Pro (ชนะน็อก!)
ในสภาพแวดล้อมปกติ ทั้งสองรุ่นให้เสียงที่ดีและเคลียร์ แต่ทันทีที่มีเสียงรบกวนเข้ามา เช่น เสียงลม เสียงแอร์ดังๆ เสียงคนเยอะๆ หรือเสียงจากงานก่อสร้างใกล้ๆ รุ่น C1 Pro จะแสดงความเทพออกมาทันที เทคโนโลยี ENC จะกรองเสียงเหล่านั้นออกไปอย่างน่าทึ่ง ทำให้การสื่อสารไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่รุ่น C1 จะรับเสียงรอบข้างเข้ามาด้วย ทำให้ปลายทางอาจฟังลำบากขึ้น
ผู้ชนะ: Hollyland Solidcom C1 (เฉือนไปนิดเดียว)
ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาให้ใช้ง่ายมากๆ แต่รุ่น C1 จะง่ายกว่าในแง่ที่ว่ามันไม่มีปุ่มอะไรให้ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเลย แค่เปิดก็คุยได้ทันที ส่วน C1 Pro มีปุ่มสำหรับเปิด/ปิด ENC และการใช้งานโหมด PTT ซึ่งต้องเรียนรู้เพิ่มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย แค่มีความยืดหยุ่นกว่าเท่านั้นเอง
ผู้ชนะ: เสมอกัน
ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี DECT 6.0 เหมือนกัน ให้ระยะทำการสูงสุดที่ 350 เมตรในที่โล่ง (Line-of-Sight) ซึ่งไกลมากๆ สำหรับงานส่วนใหญ่ ความเสถียรของสัญญาณก็ยอดเยี่ยมเหมือนกันทั้งคู่ หายห่วงเรื่องเสียงขาดๆ หายๆ ไปได้เลยถ้ายังอยู่ในระยะ
ผู้ชนะ: ขึ้นอยู่กับผู้ใช้
หมัดนี้ตัดสินยากที่สุด! Solidcom C1 ให้ความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับคนที่มีงบจำกัดและไม่ได้เจอปัญหาสียงรบกวนบ่อยๆ มันให้ฟังก์ชันหลักที่ครบถ้วนในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ในขณะที่ Solidcom C1 Pro คุ้มค่าสำหรับคนที่ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อ "ซื้อความแน่นอน" ในการสื่อสาร ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ฟีเจอร์ ENC ที่เพิ่มเข้ามานั้นมีค่ามหาศาลสำหรับมืออาชีพ
มาถึงบทสรุปสุดท้ายที่จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองดูว่าทีมของเราเข้าข่ายข้อไหนมากกว่ากัน
หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังจัดเซ็ตอุปกรณ์ถ่ายทำ ลองอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อุปกรณ์เสียงที่จำเป็นสำหรับมือใหม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจได้เลย
Q1: เทคโนโลยี ENC ของ Hollyland Solidcom C1 Pro ต่างจาก ANC ในหูฟังเพลงยังไง?
ต่างกันที่เป้าหมายครับ! ANC (Active Noise Cancellation) ในหูฟัง มีเป้าหมายเพื่อ "ตัดเสียงรอบข้างไม่ให้เรารำคาญ" ทำให้เราได้ยินเสียงเพลงชัดขึ้น แต่ ENC (Environmental Noise Cancellation) ในไมโครโฟน มีเป้าหมายเพื่อ "ตัดเสียงรอบข้างไม่ให้คนอื่นที่คุยกับเรารำคาญ" ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงพูดของเราชัดเจนขึ้นนั่นเอง สรุปคือ ANC เพื่อหูเรา ENC เพื่อไมค์เรา
Q2: เราสามารถเอาหูฟังรุ่น C1 ธรรมดา มาใช้ร่วมกับชุด C1 Pro ได้ไหม?
ไม่ได้ครับ! ตามข้อมูลจาก เว็บไซต์ทางการของ Hollyland ระบบของ C1 และ C1 Pro ถูกออกแบบมาให้ทำงานแยกกัน ไม่สามารถจับคู่ข้ามรุ่นได้ ถ้าเรามีชุด C1 Pro อยู่แล้ว และต้องการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ก็ต้องซื้อหูฟัง C1 Pro (Remote headset) มาเพิ่มเท่านั้น
Q3: คำว่า "Global Version" ของรุ่น C1 หมายความว่าใช้ในไทยได้แน่นอนใช่ไหม?
ถูกต้องครับ! รุ่น Global Version ใช้คลื่นความถี่ 1.9 GHz (DECT 6.0) ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานในหลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้สามารถนำเข้ามาใช้งานได้อย่างถูกกฎหมายและมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณรบกวนกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้คลื่น 2.4 GHz หรือ 5 GHz ที่มีอยู่ทั่วไป
ไม่ว่าคุณจะเลือก Hollyland Solidcom C1 หรือ C1 Pro ทั้งสองรุ่นถือเป็น Wireless Intercom ที่ยอดเยี่ยมและจะยกระดับการทำงานเป็นทีมของคุณได้อย่างแน่นอน การตัดสินใจสุดท้ายขึ้นอยู่กับ "สมรภูมิ" ที่คุณต้องเจอเป็นหลัก หากคุณอยู่ในสนามรบที่เงียบสงบ C1 ก็เป็นอาวุธที่เหลือเฟือ แต่ถ้าคุณต้องบุกตะลุยในสมรภูมิที่เสียงดังวุ่นวาย การลงทุนกับ C1 Pro ก็เปรียบเสมือนการติดเกราะและอาวุธที่ดีที่สุด รับรองว่าไม่มีคำว่าผิดหวัง!