สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Live Streamer, Content Creator และคนทำโปรดักชันทุกคน! เคยไหมครับที่ภาพ Live ของเราคมชัดระดับ 4K แต่เสียงกลับเหมือนคุยกันผ่านกระป๋อง? ปัญหานี้คือฝันร้ายที่ทำลายความเป็นมืออาชีพได้ในพริบตา! แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะวันนี้เราจะมาเจาะลึก "ของดี" ที่ซ่อนอยู่ในสวิตช์เชอร์ยอดฮิตอย่างเจ้า ATEM Mini Pro นั่นก็คือ Fairlight Audio Mixer ที่จะเปลี่ยนเสียงงาน Live ของคุณให้เป๊ะปังระดับ Broadcast!
หลายคนซื้อ ATEM Mini Pro มาเพื่อสลับภาพ HDMI 4 ช่อง, ทำ Chroma Key หรือ Streaming ตรงไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งมันก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมครับ แต่คุณรู้ไหมว่า Blackmagic Design ได้ยัด Audio Engine ระดับพระกาฬที่ใช้ในวงการ Post-Production ภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง "Fairlight" เข้ามาให้ด้วย! นี่ไม่ใช่แค่มิกเซอร์เสียงธรรมดาๆ ที่ปรับแค่ดัง-เบาได้ แต่มันคือเครื่องมือทรงพลังที่ซ่อนอยู่ รอให้เราเข้าไปค้นพบ
จำไว้เสมอครับว่าในงาน Live Production "เสียงสำคัญกว่าภาพ" คนดูอาจจะทนดูภาพเบลอๆ ได้ แต่ถ้าเสียงแตกพร่า ฟังไม่รู้เรื่อง เขาพร้อมจะกดปิดทันที! การลงทุนเวลาเพื่อเรียนรู้ Fairlight บน ATEM Mini Pro ของคุณ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งเลยล่ะครับ
ปุ่มบนตัวเครื่อง ATEM Mini Pro นั้นให้เราควบคุมเสียงได้แค่ระดับพื้นฐาน (เปิด/ปิด, AFV, ปรับ Level นิดหน่อย) แต่พลังที่แท้จริงทั้งหมดอยู่ในซอฟต์แวร์คู่ใจที่ชื่อว่า ATEM Software Control ครับ (ดาวน์โหลดฟรีจากเว็บ Blackmagic Design) เมื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณเข้ากับ ATEM ผ่านสาย USB-C หรือ Network แล้ว ให้ทำตามนี้เลย:
นี่คือศูนย์บัญชาการด้านเสียงของคุณครับ ทุกการปรับแต่งขั้นสูงจะเกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมด การทำความคุ้นเคยกับหน้าตานี้คือด่านแรกสู่การเป็นซาวด์เอนจิเนียร์สำหรับงาน Live ของคุณเอง!
เอาล่ะครับ มาถึงหัวใจของบทความนี้กันแล้ว! เราจะมาดูเครื่องมือหลักๆ 3 อย่างที่จะยกระดับเสียงของคุณจากมือสมัครเล่นให้กลายเป็นมือโปรฯ ทันที ในหน้าต่าง Mixer ของแต่ละ Channel ให้มองหาปุ่มเล็กๆ ที่มีชื่อว่า "Dynamics" และ "EQ" ครับ คลิกเข้าไปเลย!
Compressor คือพระเอกตัวจริงสำหรับเสียงพูดครับ หน้าที่ของมันคือ "ลดช่องว่างระหว่างเสียงที่ดังที่สุดกับเบาที่สุด" เคยไหมครับที่พิธีกรบางทีก็พูดเสียงดัง บางทีก็กระซิบ ทำให้คนดูต้องคอยเร่งๆ ลดๆ เสียงตาม? Compressor จะช่วยแก้ปัญหานี้ครับ! มันจะคอยกดเสียงที่ดังเกินไปลงมา และทำให้เราสามารถดึงระดับเสียงโดยรวมขึ้นมาได้ โดยที่เสียงดังสุดไม่แตก (Peak) ผลลัพธ์คือเสียงพูดจะฟังดูสม่ำเสมอ แน่น และฟังง่ายขึ้นมาก
ส่วน Gate/Expander จะทำหน้าที่ตรงกันข้ามครับ มันจะ "ตัดเสียงรบกวนที่เบาๆ ออกไป" เช่น เสียงลมแอร์ เสียงพัดลมคอม หรือเสียงคนคุยกันไกลๆ ในช่วงที่ไม่มีใครพูดเข้าไมค์ ทำให้เสียงโดยรวมสะอาดขึ้นมาก
EQ คือเครื่องมือในการปรับแต่งย่านความถี่เสียง เหมือนการปรับ "ทุ้ม-แหลม" บนเครื่องเสียง แต่ละเอียดกว่ามาก! Fairlight บน ATEM Mini Pro ให้ Parametric EQ มาถึง 6-Band ซึ่งยืดหยุ่นสุดๆ เราสามารถใช้มัน "ปั้น" เสียงพูดให้ดีขึ้นได้มหาศาล
นี่คือจุดตายของมือใหม่หลายๆ คนครับ! ช่อง Input 3.5mm สองช่องบน ATEM Mini Pro สามารถรับสัญญาณได้ทั้งระดับ Mic Level (สัญญาณเบาๆ จากไมโครโฟน) และ Line Level (สัญญาณแรงๆ จากมิกเซอร์, เครื่องเล่นเสียง) การตั้งค่านี้ผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที!
ข้อควรจำ: ในหน้า Audio ของ ATEM Software Control ให้คลิกที่รูปเฟือง ⚙️ ของช่อง Mic 1 และ Mic 2 เพื่อตั้งค่าประเภท Input ให้ถูกต้อง!
ถ้าตั้งผิด? ต่อไมค์แต่ตั้งเป็น Line เสียงจะเบามากจนแทบไม่ได้ยิน ต่อมิกเซอร์แต่ตั้งเป็น Mic เสียงจะดังจนแตกพร่าแบบกู่ไม่กลับเลยครับ!
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองมาดู Workflow การตั้งค่าเสียงสำหรับ Live สัมมนาที่มีพิธีกร 2 คน และมีเสียงจากสไลด์นำเสนอ กันครับ
เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ระบบเสียงสำหรับ Live ที่สมบูรณ์แบบ ควบคุมได้ทุกอย่าง เสียงพิธีกรฟังชัดเจน เสียงจากวิดีโอกลมกล่อม และเสียงโดยรวมไม่แตกพร่า สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชมของคุณอย่างแน่นอนครับ! ใครที่กำลังมองหาเจ้า ATEM Mini Pro ไปใช้งาน สามารถดูรายละเอียดและ สั่งซื้อ ATEM Mini Pro จาก iCamplus ได้เลยครับ
A: ปัญหานี้ 99% เกิดจากการตั้งค่าประเภท Input (Mic/Line) ไม่ถูกต้องครับ! ให้กลับไปตรวจสอบใน ATEM Software Control > Audio > คลิกที่รูปเฟือง ⚙️ ของช่อง Mic ที่ใช้งาน แล้วตั้งค่าให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ต่อเข้ามาครับ (ต่อไมค์ เลือก "Microphone", ต่อมิกเซอร์ เลือก "Line") ปัญหาจะหายเป็นปลิดทิ้ง!
A: เข้าใจง่ายๆ ครับ:
• AFV (Audio Follow Video): คือการตั้งให้เสียง "ตาม" ภาพ เมื่อคุณสลับภาพไปที่ Input ไหน เสียงจาก Input นั้นก็จะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับงานที่มีแหล่งเสียงมาจากกล้องแต่ละตัว
• ON: คือการเปิดเสียงของ Input นั้น "ค้างไว้ตลอดเวลา" ไม่ว่าคุณจะสลับภาพไปที่ไหนก็ตาม เหมาะสำหรับเสียงไมโครโฟนพิธีกร หรือเสียงเพลงประกอบ ที่ต้องการให้มีเสียงอยู่ตลอดการ Live ครับ
A: ได้แน่นอน และเป็นวิธีที่โปรดักชันใหญ่ๆ นิยมทำกันครับ! โดยคุณสามารถรวมเสียงทั้งหมดจากมิกเซอร์ภายนอก (Main Out) แล้วส่งสัญญาณเสียงนั้นเข้ามาที่ช่อง MIC 1 หรือ MIC 2 ของ ATEM Mini Pro เพียงช่องเดียว อย่าลืม! ต้องตั้งค่า Input Type ของช่องนั้นให้เป็น "Line" นะครับ วิธีนี้จะทำให้คุณจัดการเสียงได้ยืดหยุ่นขึ้น และยังสามารถใช้เครื่องมือของ Fairlight เช่น Master Limiter เป็นด่านสุดท้ายก่อนส่งออกอากาศได้อีกด้วย
เห็นไหมครับว่าเจ้า ATEM Mini Pro ไม่ได้เป็นแค่ Video Switcher ธรรมดา แต่มันมีขุมพลังด้านเสียงระดับโปรฯ ซ่อนอยู่ การสละเวลาศึกษาและฝึกฝนการใช้งาน Fairlight Audio Mixer จะช่วยยกระดับคุณภาพงาน Live ของคุณให้แตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน อย่าปล่อยให้เสียงที่ไม่ดีมาบั่นทอนคุณภาพงานที่คุณตั้งใจทำนะครับ!
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บของ Blackmagic Design โดยตรง เพื่อดูรายละเอียดทางเทคนิคทั้งหมดของเจ้า ATEM Mini Pro ครับ ขอให้สนุกกับการสร้างสรรค์งาน Live ที่มีคุณภาพทั้งภาพและเสียงนะครับ!
```
icamplus 0946364541(คุณเอก)