ในช่วงหลังๆ มานี้ มีการถกเถียงกันหนักมากเกี่ยวกับมาตรฐานการถ่ายทอดกีฬาระดับโลก ว่าจะใช้ 1080p50 HDR หรือ 4K ดี? แม้ที่ผ่านมา เราจะถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่า 4K คืออนาคตของการรับชมกีฬา แต่ก็มีงานใหญ่อย่าง รอบชิงฯ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโร 2024 ที่หันมาใช้การออกอากาศแบบ HD-HDR เป็นมาตรฐาน
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? เพราะในการผลิตรายการทีวีหรือถ่ายทอดกีฬา เราต้องคำนึงทั้งในมุมของ “คุณภาพภาพ” และ “ต้นทุน” ทั้งค่าดำเนินการและแบนด์วิธในการส่งสัญญาณ แล้วการเลือกใช้ 1080p50 HDR แทน 4K มันได้ภาพที่สวยคมต่างกันแค่ไหน? นี่แหละประเด็นที่เราจะมาคุยกันครับ!
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าคนทำทีวีที่ไหน ก็ล้วนมองว่า “ความคมชัดของภาพยนตร์” คือมาตรฐานสูงสุด แต่ในยุคที่มี HDR (High Dynamic Range) สำหรับทีวี หลายคนอาจต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่!
สรุปง่ายๆ คือ HDR TV ให้คอนทราสต์ สีสัน และจำนวนเฟรมมากกว่าเทคโนโลยี DCI 2K ในโรงหนังทั่วไปเสียอีก ใครเป็นคอหนัง สายคมชัด น่าลองเทียบดูด้วยตาตัวเองครับ!
เรื่องความละเอียด (Resolution) อย่าง 4K หรือ 1080p ไม่ได้วัดกันแค่ตัวเลขอย่างเดียว แต่ขึ้นกับ “ขนาดจอ” และ “ระยะดู” ของคุณด้วย
ยกตัวอย่าง: ถ้าคุณนั่งห่างจากทีวี 3 เมตร คุณต้องมีจอ ขนาด 90 นิ้ว ขึ้นไป ถึงจะเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่าง 1080p กับ 4K ได้ชัดเจน!
ตรงกันข้าม ถ้าพูดถึง HDR ไม่ว่าคุณจะนั่งไกลหรือนั่งใกล้ก็ตาม คุณจะยังสัมผัสความแตกต่างของสีสันและความสว่างได้ เพราะ HDR ช่วยให้ช่วงแสง (Dynamic Range) กว้างขึ้น และสีสดขึ้นอย่างแท้จริง
ทำงานด้านผลิตรายการทั้งที สิ่งที่ผู้ผลิตและผู้แพร่ภาพคิดหนักคือ “ทำแบบไหนคุ้มค่าที่สุด” เพราะการถ่ายทำ 4K ต้องใช้กล้องและอุปกรณ์ที่สูงขึ้น รวมถึงแบนด์วิธในการส่งสัญญาณใหญ่ขึ้นมาก ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระบบทั้งหมด
สิ่งสำคัญคือ “รู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้ตรงกับบริบท” นั่นเองครับ
แม้ HDR จะดีกว่าในหลายมิติ แต่ผู้ชมบางคนอาจสงสัยว่า “ทำไมเปิดช่อง HD ธรรมดา (SDR) บางทีกลับดูสดใสหรือสว่างกว่าช่อง UHD (HDR)?” เหตุผลมาจาก “สูตรลับ” ของผู้ผลิตทีวีที่ชอบปรับจอให้สีสดเกินจริง จนเกินมาตรฐาน Rec.709
แม้อุตสาหกรรมจะปรับไปที่ 4K หรือ 8K ในอนาคต แต่ทุกฝ่ายเริ่มเห็นตรงกันว่า “HDR คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ” เพราะช่วยให้ภาพสมจริง ทั้งแสงและสี เพิ่มอรรถรสให้ผู้ชมโดยไม่ต้องเพ่งหาความต่างที่ความละเอียดอย่างเดียว
หากในอนาคต ผู้ผลิตทีวีบังคับให้มีโหมด “ตรงตามมาตรฐาน” สำหรับ SDR แบบ Rec.709 ก็น่าจะช่วยให้ผู้ชมได้เห็นภาพที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ตั้งใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น SDR หรือ HDR ก็ตาม
“4K 25fps SDR” เห็นตัวเลขใหญ่ แต่บางครั้งยังสู้ “1080p 50fps HDR” ในแง่ภาพรวมของประสบการณ์ (สี-แสง-เฟรมเรต) ไม่ได้ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกความละเอียดไหนในการผลิตหรือแพร่ภาพ ต้องดูทั้ง เป้าหมาย, งบประมาณ, ขนาดจอ และระยะรับชม ของผู้ชมเป็นหลัก
งานนี้ ไม่มีผิดหรือถูกชัดเจน ขึ้นอยู่กับว่าจะคุ้มหรือไม่ และผู้ชมได้รับประสบการณ์ดีแค่ไหนต่างหาก
ลองเล่นกันดู แล้วจะรู้ว่าคำว่า “ดูบอลแล้วเหมือนอยู่ในสนาม” เป็นยังไง!
สรุปง่ายๆ: ถ้าคุณตัดสินใจจะอัปเกรดระบบดูทีวีหรือคอนเทนต์ 4K ล่ะก็ ลองชั่งน้ำหนักสักนิด ว่าความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน ระหว่าง 4K เน้นความละเอียดสุดยอด หรือจะเอา 1080p50 HDR ที่ได้ภาพไหลลื่น แสงสีเต็มอิ่ม แถมประหยัดต้นทุน แถมอย่าลืมว่า HDR ดูสวยขึ้นทุกระยะ ไม่ต้องพึ่งจอมหึมาเสมอไป!
“เลือกแบบไหนก็ได้ แต่ขอให้เหมาะกับคุณที่สุด แล้วสนุกกับการรับชมแบบเต็มอิ่มไปเลย!”